0 Comments
ทำงานเกี่ยวกับไอที

อยากทำงานเกี่ยวกับไอที ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

ต้องบอกว่ายุคนี้แทบทุกคนล้วนแล้วแต่มีอุปกรณ์ไอทีติดตัวกันแทบทุกคน อย่างน้อยก็โทรศัพท์มือถือ และถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาด้วย ก็ต้องมีแท็บเล็ต หรือไม่ก็คอมพิวเตอร์ติดตัวสำหรับการเรียนการสอนด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อมีการใช้เทคโนโลยีไอทีกันมากขึ้น ธุรกิจเกี่ยวกับไอทีก็เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ใช้อุปกรณ์ไอที สำหรับใครที่สนใจอยากจะเปิดร้านไอทีเป็นของตัวเอง หรือจะเป็นร้านซ่อมอุปกรณ์ไอที ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะตอบโจทย์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนในยุคนี้ได้ดีทีเดียว เพราะการใช้อุปกรณ์ไอทีเหล่านี้อาจจะมีกการพังหรือเปลี่ยนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การจะเปิดธุรกิจไอทีเหล่านี้ได้ มาดูกันก่อนว่าควรจะมีคุณสมบัติอะไรบ้างที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจประเภทนี้ คุณสมบัติของการเริ่มต้นธุรกิจไอที 1.มีใจรักในงาน ขั้นแรกสำคัญที่สุดคุณจะต้องมีใจรักในงานให้บริการก่อน เพราะคุณจะต้องเจอกับลูกค้าที่หลากหลายประเภท และแต่ละคนอาจจะมีความรู้เกี่ยวกับไอทีไม่เท่ากัน บางทีการอธิบายอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ให้กับคนที่ไม่รู้จักฟัง คุณอาจจะรู้สึกมีอารมณ์บ้าง ถ้าคนไม่มีใจรักในงานจริง ก็คงทำงานในส่วนนี้ได้ยาก 2.มีความรู้เกี่ยวกับไอทีเป็นอย่างดี งานเกี่ยวกับไอทีเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมหรือการศึกษาเกี่ยวกับงานก็ตาม ฉะนั้นคนที่จะทำธุรกิจนี้อย่างได้ผล ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับไอทีเป็นอย่างดี เช่นคนที่จบเกี่ยวกับสายไอทีมา นอกจากนี้การเลือกใช้บุคลากรให้เหมาะสมกับงาน ก็ถือว่าสำคัญเช่นกัน 3.การให้บริการที่มีประสิทธิภาพ งานที่ให้บริการเป็นงานที่ต้องด้วยความละเอียด และรอบคอบอยู่เสมอ อาจจะใช้มากกว่างานอื่นด้วยซ้ำ เพราะเป็นการทำงานกับคน ที่ต้องคอยให้บริการ ดังนั้นการหัวใจของการให้บริการลูกค้าคือการให้บริการที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซ่อม หรือจะเป็นการให้ข้อมูลกับลูกค้าก็ตาม เพราะฉะนั้นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง 4.มีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ นอกจากจะมีความรู้เกี่ยวกับด้านไอทีแล้ว  ความรู้เกี่ยวกับการทำการตลาดก็ถือว่าสำคัญเช่นกัน เพราะจะเป็นการสร้างกำไรให้กับธุรกิจของคุณเอง หากคุณยังไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับการตลาดมากพอ ก็ควรเตรียมความพร้อมด้วยการศึกษาให้ดีเสียก่อน ยิ่งสมัยนี้มีคู่แข่งเยอะ ก็ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด 5.หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับไอทีมีมาให้ได้ประหลาดใจอยู่เสมอ ฉะนั้นการหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยให้คุณพัฒนาการทำธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น […]

0 Comments
โซเชี่ยล

เล่นโซเชียลมากเกินไปทำให้ร่างกายอ่อนล้า

ในปัจจุบันนี้เรื่องของโซเชียลนั้นกำลังเข้ามามีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งเลยเพราะว่าโซเชียลนั้นมีมากมายหลากหลายแหล่งอยู่ที่ว่าเราจะเลือกเล่นแบบไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเรามากกว่ากัน ทุกอย่างนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากโดยที่เราเองจะมองข้ามไปไม่ได้เลย การที่เราเล่นโซเชียลมีเดียที่ไม่เป็นเวลานั้นก็อาจจะส่งผลเสียให้กับร่างกายของเราอีกด้วยเช่นกัน  ทุกๆอย่างนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เราควรที่จะให้ความสนใจและใส่ใจอย่างมากที่สุด ผลกระทบที่เกิดจากการเล่นโซเชียลที่มากเกินไปนั้นก็มีหลายอย่างด้วยกัน เราเองจึงควรที่จะมองให้เห็นคุณค่าของการเล่นโซเชียลมีเดียให้มากๆด้วย ทุกอย่างนั้นในเรื่องของการเล่นโซเชียลก็ควรที่จะกำหนดเวลาในการเล่นให้ดีเสียก่อนเพื่อที่เราเองจะได้ไม่เกิดผลเสียหรือเกิดผลกระทบขึ้นมาอีกด้วย การเล่นโซเชียลที่มากจนเกินไปนั้นก็เป็นเรื่องที่เราเองไม่ควรที่จะมองข้ามกันทั้งนั้น เพราะว่าจะทำให้เราเสียสุขภาพและร่างกายก็มีความแย่ลง เพราะเราเล่นมากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลกระทบที่มากขึ้นอีกเช่นกัน ในหลายๆเรื่องราวนั้นถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราเองจะมองข้ามไปเลยหรือมองผ่านไปไม่ได้ การเล่นโซเชียลมีเดียนั้นมีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ปัจจุบันผลกระทบที่เกิดจากการเสพโซเชียลมากไปก็มีเยอะ อาจจะทำให้เรารู้สึกกังวลใจหรือรู้สึกระแวงใจก็เป็นได้อีกด้วย ทุกอย่างนั้นเป็นเริ่องที่เราเองจะต้องมองให้เห็นถึงความสำคัญให้มากๆยิ่งเราให้ความสำคัญในตนเองมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้ร่างกายของเรานั้นมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงมากขึ้นไปอีกเช่นกัน เราเองจะต้องให้ความสนใจกับเรื่องของโซเชียลให้พอประมาณอย่าสนใจกับข่าวที่เวอร์จนเกินไปเพราะในบางครั้งข้อมูลที่เรามีนั้นอาจจะไม่มากแต่ฟังข่าวมากไปก็ทำให้กลัวหรือระแวงจนทำให้เราหวาดหวั่นอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผิด อย่าเสพข่าวผิดมากจนเกินไป หลายๆอย่างการที่เรารู้จักที่จะเรียนรู้นั้นก็ควรที่จะเรียนรู้ในเรื่องที่ดีและมีประโยชน์อย่างมากที่สุดก็เพื่อตัวเราเองและเราก็จะได้รับข่าวสารที่ไม่ผิดเพี้ยนอีกด้วย  ทุกๆอย่างในเรื่องของโซเชียลมีเดียนั้นเป็นเรื่องที่จะมองข้ามไปไม่ได้ ทุกอย่างก็จะขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของคนในสังคมอีกด้วยเช่นกัน การที่เรารู้จักที่จะเสพข่าวก็เป็นผลดีแก่ตนเอง เสพข่าวที่ผิดๆก็เป็นผลร้ายแก่ตนเองอีกด้วยเช่นกัน

0 Comments
aws thailand

ทำไมถึงควรใช้ aws data exchange

aws (Amazon Web Service) เป็นรูปแบบหนึ่งของแพลทฟอร์มคลาวด์ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ด้วยบริการเต็มรูปแบบที่ช่วยดูแลจัดการข้อมูลบนคลาวด์ได้อยางมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานชั้นนำ, องค์กรต่าง ๆ จึงนิยมใช้งาน aws เพื่อลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และเพิ่มความปลอดภัยในการรักษาข้อมูล ทำไมถึงควรใช้ aws data exchange มีฟังก์ชันหลากหลาย aws มีบริการที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการกับฐานข้อมูลต่าง ๆ ในคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งคุณสมบัติพื้นฐานอย่างเช่นการคำนวณ, การจัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูล, การทำ Data Lake รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ต่าง ๆ จึงช่วยให้การจัดการทรัพยากรไปยังคลาวด์นั้นสะดวกและรวดเร็วขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลายนี้เอง จึงทำให้การจัดการข้อมูลสามารถทำได้ในที่เดียว แม้ว่าจะต้องทำหลายขั้นตอน แต่ aws ก็มีบริการครบครันเตรียมไว้ให้แล้ว สร้างชุมชนขนาดใหญ่ aws เป็นเหมือนชุมชนใหญ่ที่นำพาเอาลูกค้าและคู่ค้าที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้ได้มาเจอกัน เพราะในระบบ aws นั้นมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากจากทุกอุตสาหกรรมและทุกขนาดองค์กร จึงสามารถนำพาเอาผู้ประกอบการหลาย ๆ เจ้า มาเจอกันได้บนโลกออนไลน์ของ aws data […]

0 Comments
บริการตรวจสอบภายใน

บริการตรวจสอบภายใน บริการช่วยสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจ

ปัจจุบันนี้ธุรกิจที่มีการจดทะเบียนการค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการตรวจสอสบบัญชีจากกรมสรรพกรเป็นประจำทุกปี เพื่อทำการจ่ายภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งผู้ประกอบการหลายท่านคิดว่าการตรวจสอบบัญชีเป็นเรื่องของการเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ผู้ประกอบการบางรายจึงไม่ได้สนใจที่จะทำการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำ แต่ทำการตรวจสอบเพื่อเสียภาษีเท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการตรวจสอบบัญชียังมีประโยชน์มากกว่านั้นอีก โดยบริการตรวจสอบภายใน จากองค์กรหรือบริษัทที่เชื่อถือได้จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจของท่านดังนี้ 1.รู้สถานะทางการเงิน             การตรวจสอบบัญชีทำให้ผู้ประกอบการทราบถึงสถานการณ์เงินที่แท้จริงของบริษัท เนื่องจากในแต่ละวันมีทั้งรายรับและรายจ่ายหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา หากไม่มีการตรวจสอบบัญชีแล้วผู้ประกอบการจะไม่สามารถรู้ได้ถึงสถานะทางการเงินของบริษัทได้อย่างละเอียด ดังนั้นการตรวจสอบบัญชีจึงเป็นการตรวจเช็คสถานะทางการเงินของบริษัทได้ดีที่สุด ที่ทำให้ทราบถึงสถานะที่แท้จริงในช่วงระยะเวลาที่ทำการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบสามารถตรวจสอบเป็นไตรมาตรหรือเป็นรายครึ่งปีก็ได้ 2.ช่วยในการวางแผน             เมื่อทราบถึงสถานะการเงินของบริษัทแล้ว จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำการวางแผนในการบริหารบริษัทได้ดีขึ้น เนื่องรู้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทมีภาวะได้กำไรหรือขาดทุน หากได้กำไรก็จะดูได้ว่ากำไรมาจากส่วนไหนมากที่สุด เพื่อที่จะขยายส่วนงานที่ได้กำไร และส่วนไหนที่ขาดทุน เพื่อที่จะได้ทำการลดการผลิตหรือทำการเปิดตลาดใหม่เพื่อเพิ่มยอดจำหน่ายให้สูงขึ้น แน่นอนว่าเมื่อใช้บริการตรวจสอบภายใน แล้ว ผู้ประกอบการจะมีตัวเลขที่นำมายืนยันสถานการณ์จริง ที่ทำให้การวางแผนมีความแม่นยำ 3.สร้างแหล่งเงินทุน             หากมีการตรวจสอบบัญชีอย่างต่อเนื่องจะทำให้บริษัทดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะมีการประเมินสถานการณ์ของบริษัทอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเวลาที่ต้องการขยายงานในการผลิตเพิ่มเติมและต้องการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินทุนหรือมีการขายหุ้นเพิ่มขึ้น จะมีสถาบันการเงินและนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนมาก เพราะเห็นแนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมจากการดูบัญชีที่ได้รับการตรวจสอบมาแล้ว             ดังนั้นหากผู้ประกอบการต้องการให้บริษัทของท่านมีความก้าวหน้าเกิดขึ้นแล้ว การตรวจสอบบัญชีภายในควรมีการทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ในประเมินสถานการณ์ของบริษัท ใช้ในการวางแผนการดำเนินธุรกิจให้มีการก้าวเดินไปอย่างมั่นคง มีแนวทางที่ชัดเจนที่จะเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ ช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจให้น้อยลง เมื่อพบความผิดพลาดจากตัวเลขในบัญชี เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจมีความมั่นคงมากขึ้น

0 Comments
Co-Working Space

ยุคเทคโนโลยีกับรูปแบบธุรกิจยุคใหม่ที่ชื่อว่า Co-Working Space

เมื่อพูดถึงเรื่องของเทคโนโลยี หลายคนคงนึกถึงแค่เรื่องของคอมพิวเตอร์ หรือโลกออนไลน์ แต่ยังมีอีกมิติของความทันมสัย ที่มาพร้อมกับโลกออนไลน์ในยุคนี้ นั่นคือ Co-Working Space  หลายคนอาจจะส่วนใหญ่สำหรับนักลงทุนแล้วแน่นอนว่าการซื้อเพื่อเช่าหรือซื้อเพื่อขายเก็งกำไรในเรื่องของคอนโดนั้นนะตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ตกยุคไปแต่อย่างใดนะคะเพียงแต่ว่าช่วงนี้ธุรกิจหนึ่งในยุคสมัยนี้ที่มาแรงแซงทางโค้งนั่นเองค่ะธุรกิจที่ว่านี้ก็คือการทำ co-working space เป็นการปรับพื้นที่ภายในอาคารคอนโด ที่ตัวเองเป็นเจ้าของให้เป็นพื้นที่สำหรับการติดต่อทางธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าได้รับความนิยมมากๆในยุคสมัยนี้เลยทีเดียวค่ะ ดังนั้นแล้วอสังหาริมทรัพย์กับ Co-working Space ซึ่งเป็นอะไรที่หนีกันไม่พ้นและมาคู่กันเมื่อไหร่เป็นต้องได้ใช้สอยพื้นที่ดีๆและสามารถทำเงินได้จากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่เหล่านี้แน่นอน             ทำไมคนยุคใหม่ถึงเลือกใช้พื้นที่ co-working Space ในการติดต่อแลกเปลี่ยนธุรกิจในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME หรือกระทั่งวัยรุ่นยุคใหม่ที่หันมาสนใจในการทำธุรกิจการเลือกใช้พื้นที่เหล่านี้ในการทำธุรกิจเรามาดูเหตุผลที่สามารถตอบโจทย์และอาจจะทำให้คุณอยากเปลี่ยนพื้นที่ในอาคารของคุณให้เป็น co-working Space เลยทีเดียวค่ะ Creativity  การแลกเปลี่ยนธุรกิจหรือการติดต่อเจรจาธุรกิจโดยใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแน่นอนค่ะว่าพื้นที่เงียบๆสงบสงบดีไซน์ทันสมัยพร้อมกับหลายพื้นที่ก็ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยให้นักธุรกิจสามารถสร้างไอเดียใหม่ๆจากการทำงานและสามารถทำงานได้อย่างมีอิสระใช้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ไร้แรงกดดันบรรยากาศสบายๆไม่ตึงเครียดหลายพื้นที่เลือกที่จะเปิดเพลงคลอเบาๆในขณะทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถทำงานไปพักผ่อนไปนี่ไปก็ได้ด้วยค่ะเรียกว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากๆสำหรับการทำธุรกิจในยุคนี้เลยทีเดียว Low Price High Quality  พูดถึงเรื่องราคาถูกแต่คุณภาพสูงแน่นอนว่าค่าเช่าสำหรับ co- working Space ย่อมถูกกว่าการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานหรือเช่าพื้นที่อาคารต่างๆเพื่อทำสำนักงานมากหลายเท่าตัวเลยทีเดียวค่ะซึ่งผู้ที่มาใช้ Co- working Space ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลทั่วไปเป็น SME ที่พร้อมจะจ่ายค่าเช่าแบบรายชั่วโมงหรือรายวันหรือรายเดือนยังมีให้บริการด้วยโดยที่อัตราค่าเช่าพื้นที่ทำงานจะเริ่มต้นที่หลักร้อยบาทต่อวันต่อคนหรือคิดเป็นรายชั่วโมงไม่ถึงร้อยบาทด้วยซ้ำไปแล้วค่ะเรียกว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มที่จะลงทุนมากๆเลยทีเดียวค่ะ ค่าเช่าถูกแบบนี้ถามว่าเจ้าของ พื้นที่ได้อะไรแน่นอนค่ะว่าเจ้าของพื้นที่ย่อมปรับพื้นที่ให้เข้ากับรูปแบบของการติดต่อทางธุรกิจนั่นก็คือการเปิดให้บริการร้านอาหารมาในสไตล์โมเดิร์นหรือสไตล์ต่างๆบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่มร่วมไปถึงขนมขบเคี้ยวต่างๆอีกด้วย  flexible hours  การทำงานในยุคปัจจุบันต้องการความยืดหยุ่นเป็นอย่างสูงค่ะซึ่งรูปแบบของ coworking Space ถูกออกแบบมาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนทำงานในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเวลาเปิดปิดของพื้นที่ซึ่งจะเปิดในช่วงตั้งแต่เช้าไปจนถึงดึกดื่นเลยทีเดียวบางที่เปิดให้บริการถึง 24 […]

0 Comments
Co-Working Space

Co-Working Space กับเทคโนโลยีบนโลกอินเตอร์เน็ต

co-working Space เรียกว่าเป็น Mega Trend ของคนรุ่นใหม่ในยุคนี้เลยล่ะค่ะเพราะไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตในแง่ของการทำธุรกิจเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็น คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ยังเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานเองก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นอายุระหว่าง 25 ปีขึ้นไปเป็นช่วงวัยที่หันมาให้ความสนใจให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจมากขึ้นโดยธุรกิจที่ว่านี้แน่นอนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์เทคโนโลยีต่างๆและความทันสมัยวัยรุ่นไปจนถึงวัยทำงานที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยการหันมาทำธุรกิจแน่นอนค่ะว่าคนกลุ่มนี้จะไม่เปิดบริษัท หรือจะไม่ใช้พื้นที่บ้านเล็กๆน้อยๆในการทำธุรกิจแต่เทรนของการทำธุรกิจได้เปลี่ยนรูปแบบไปให้มีความทันสมัยและเข้ากับยุคเข้ากับสมัยมากยิ่งขึ้นโดยการใช้พื้นที่ ในร้านอาหารต่างๆในอาคารต่างๆที่ได้จัดพื้นที่ไว้สำหรับการทำธุรกิจซึ่งเราเรียกพื้นที่เหล่านั้นว่า co-working Space นั่นเองค่ะ             เกริ่นมาถึงขั้นนี้แล้วหลายคนอาจจะมองเห็นและเข้าใจภาพของธุรกิจในเชนของ co-working Space ในยุคของโลกออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนของการทำธุรกิจแบบนี้ในปัจจุบันมีปัจจัยหลักอยู่ 2 ประการคือ  Mega trends ที่เรียกว่าเป็นลักษณะการทำงานของผู้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีและความยืดหยุ่นต่างๆโดยที่คนกลุ่มนี้ก็จะอาศัยพื้นที่ในการทำงานที่มีความเป็น Collaborative working Space สิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้พื้นที่ ในร้านอาหารที่จัดพื้นที่ไว้สำหรับการทำธุรกิจหรือที่เรียกว่า coworking Space แน่นอนว่าจุดนี้เป็นการลดต้นทุนทางธุรกิจทำให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการรวมไปถึงบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกไม่เฉพาะในประเทศไทย เท่านั้นค่ะ โดยในตอนนี้ทั่วโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงพันมาใช้พื้นที่ที่เรียกว่า coworking Space นี้กันมากยิ่งขึ้นโดยคาดว่าตลาดพื้นที่ตรงนี้ในแถบเอเชียจะมีเพิ่มสูงขึ้น 30% ภายในปี 2573 นั่นเองค่ะ  ในปัจจุบันมีผู้ประกอบการ ระดับ sme ซึ่งตัวเลขของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ในประเทศไทยมีแนวโน้มเจริญเติบโตขึ้นสูงมากขึ้น 8 ขึ้น 10% ต่อปีเรียกว่ามากกว่าประเทศเพื่อนบ้านแต่ยังน้อยกว่าหนึ่งในหกธุรกิจที่มีธุรกิจอยู่ในกรุงเทพหรือ มากกว่า 5 แสนราย […]